เลขศาสตร์ไคโร
เลขศาสตร์ (Numerology) เป็นพยากรณ์ศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่พัฒนามาตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย โดยชาวคาลเดียนและชาวอียิปต์ ต่อมาได้ส่งต่อผ่านมาทางฮิบรู เลขศาสตร์ได้รับความนิยมรุ่งเรืองมากในสมัยของโหรที่ใช้ชื่อว่า “ไคโร (Cheiro)” ชาวไอริช ซึ่งมีชีวิตระหว่าง ค.ศ. 1866-1936
ไคโร
ชื่อจริงของไคโรก็คือ วิลเลียม จอห์น วอร์เนอร์ (William John Warner) เป็นชาวไอริช เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1866 ในหมู่บ้านนอกเมืองดับลิน ไอร์แลนด์ จากข้อมูลใน Astrodatabank ให้เวลาเกิดเขาที่ 10:53 LMT Dublin, Ireland (Astro databank ให้ความน่าเชื่อถือของข้อมูลระดับ A คือมาจากความจำ) นอกจากนี้ เขายังมีชื่ออีกชื่อหนึ่งคือ เคานท์ หลุยส์ แฮมอน (Count Louis Hamon หรือ Count Leigh de Hamong) เพื่อแสดงว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสูงชาวนอร์แมน (กลุ่มคนในยุคโบราณทางตอนเหนือของฝรั่งเศส) ไคโรได้เล่าไว้ในบันทึกความจำเขาว่า เขาได้รับความรู้การพยากรณ์มาจากอินเดีย ตอนวัยรุ่น เขาเดินทางมาท่าเรือเมืองบอมเบย์ ได้พบกับคุรุที่เป็นพราห์มผู้ซึ่งพาเขาไปยังหมู่บ้านในแคว้นมหาราช ที่นั่นเขาได้ศึกษาการอ่านลายมือจากตำราโบราณเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นเขาจึงเดินทางกลับกรุงลอนดอนแล้วเริ่มต้นอาชีพนักพยากรณ์ลายมือ
ไคโรได้พยากรณ์ให้กับบุคคลผู้มีชื่อเสียง กษัตริย์ และชนชั้นนำต่างๆมากมาย เช่น มาร์ค ทเวน นักเขียนชื่อดัง, ออสการ์ ไวลด์ นักเขียนชาวไอริชชื่อดัง, โธมัส เอดิสัน ยอดนักประดิษฐ์, วิลเลียม แกลดสโตน อดีตนายกฯอังกฤษ ฯลฯ คำพยากรณ์ที่โด่งดังของไคโรมีมากมาย และถูกเล่าต่อๆกันจนดูเหมือนปาฏิหาริย์ เช่น ไคโรได้พยากรณ์วันสวรรคตของพระราชินีวิคตอเรีย, เดือนและปีที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 จะสวรรคต, ชะตากรรมอันมืดมนของซาร์องค์สุดท้ายของรัสเซีย, การลอบสังหารกษัตริย์ฮัมเบิร์ทของอิตาลี ฯลฯ
หนึ่งในคำพยากรณ์ที่โด่งดัง ก็คือการพยากรณ์การเสียชีวิตของลอร์ดคิทเช่นเนอร์ล่วงหน้า 22 ปี โดยเขาพยากรณ์เรื่องนี้ที่กระทรวงกลาโหม (the War Office) ว่าลอร์ดคิทเช่นเนอร์จะเสียชีวิตเมื่ออายุ 66 ปี โดยไม่ได้ตายอย่างที่ทหารทั่วไปคาดไว้ แต่ความตายของเขามีสาเหตุจากน้ำ อาจเป็นพายุหรือภัยจากทะเล ส่งผลให้มีโอกาสถูกจับจากข้าศึก ลอร์ดคิทเช่นเนอร์ได้เล่าเรื่องนี้ให้นายทหารฟังระหว่างอยู่แนวหน้าในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมา เมื่อลอร์ดคิทเช่นเนอร์อายุ 66 ปี ได้ลงเรือรบแฮมป์เชียร์ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจทางการทูตกับรัสเซีย แต่เรือเจอทุ่นระเบิดของเยอรมัน ทำให้จมลง และลอร์ดคิทเช่นเนอร์เสียชีวิต
ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ไคโรทำนายนักหนังสือพิมพ์ชื่อดัง วิลเลียม สตีด ว่าจะเสียชีวิตจากเรือ ก่อนที่สตีดจะเสียชีวิตในเรือไททานิคที่จมลง
ต่อมาไคโรได้ย้ายจากอังกฤษมาอยู่ที่เมืองฮอลลีวูด ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาดูลายมือให้ลูกค้าอย่างน้อย 20 รายต่อวัน หรือประมาณ 6,000 คนต่อปี ถือว่าเป็นหมอดูที่ hot มากในยุคนั้น
ไคโรเสียชีวิตเมื่อ 8 ตุลาคม 1936
คำว่า “ไคโร” (Cheiro) นั้น มาจากภาษากรีกคือ Kheir ที่แปลว่า มือ เนื่องจากไคโรเป็นนักพยากรณ์ที่โดดเด่นในเรื่องดูลายมือนั่นเอง ศัพท์ภาษาอังกฤษที่หมายถึงการพยากรณ์จากลายมือนั้น นอกจากคำว่า Palmistry แล้วก็ยังใช้ Cheiromancy อีกด้วย
ตัวไคโรนั้นได้อธิบายตัวเขาว่า เป็นผู้มีตาทิพย์ และสอนวิชาพยากรณ์จากลายมือ โหราศาสตร์ และเลขศาสตร์ (ที่มีรากจากคาลเดียน)
ตำรา “Cheiro’s Book of Numbers” คือตำราคลาสสิคของวิชาเลขศาสตร์ ที่นักพยากรณ์เลขศาสตร์ต้องอ่าน ในตำราเล่มนี้ ท่านได้กำหนดค่าตัวเลขให้กับตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้ง 26 ตัว โดยเป็นผลจากการค้นคว้าของชาวคาลเดียนโบราณและตัวอักษรฮิบรู ทำให้สามารถถอดรหัสชื่อของคนออกมาเป็นตัวเลขและใช้พยากรณ์ได้ นั่นคือ
เลข 1 ได้แก่ A, I, J, Q, Y
เลข 2 ได้แก่ B, K, R
เลข 3 ได้แก่ C, G, L, S
เลข 4 ได้แก่ D, M, T
เลข 5 ได้แก่ E, H, N, X
เลข 6 ได้แก่ U, V, W
เลข 7 ได้แก่ O, Z
เลข 8 ได้แก่ F, P
เลข 9 ไม่มีการกำหนดค่าให้ตัวอักษรใด เพราะถือว่าเป็นเลขที่ยิ่งใหญ่ หมายถึงอักษร 9 ตัว อันเป็นชื่อของพระเจ้า
อ.พลูหลวง
สำหรับประเทศไทยนั้น อาจารย์พลูหลวง ปรมาจารย์โหราศาสตร์ไทย ท่านได้คิดค้นและกำหนดค่าตัวเลขให้กับอักษรไทยเช่นกัน โดยท่านเปรียบเทียบจากลักษณะของเลขไทย และทดลองใช้อยู่หลายปี จนมั่นใจว่าได้ผล และเผยแพร่ออกมาในตำรา “พื้นฐานของโหราศาสตร์ (ความมหัศจรรย์ของตัวเลข)” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2515 ปัจจุบัน ตำราตั้งชื่อในท้องตลาดต่างก็ใช้สูตรการกำหนดค่าตัวเลขให้แต่ละตัวอักษรของท่านอาจารย์พลูหลวงทั้งสิ้น แต่น่าเสียดายที่แทบไม่มีใครอ้างอิงชื่อของท่านซึ่งเป็นผู้คิดค้นเลย
อย่างไรก็ตาม การให้ความหมายของตัวเลขของท่านอาจารย์พลูหลวงนั้น จะแตกต่างจากท่านไคโร เช่น เลข 4 ท่านไคโรกำหนดให้เป็นดาวมฤตยู (Uranus) แต่อาจารย์พลูหลวงกำหนดให้เป็นดาวพุธ ตามสัญลักษณ์ที่ใช้ในโหราศาสตร์ไทย ดังนั้น การแปลความหมายตัวเลขจึงแตกต่างกันมาก ตรงนี้เป็นเรื่องของนักพยากรณ์แต่ละท่านที่จะตัดสินใจเลือกใช้ระบบใดตามแต่ความเชื่อและความรู้ของแต่ละท่าน
ที่มา:http://thestarseer.com
|